ค้นหา

Custom Search

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

การติวเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็นจริงหรือ?

ก่อนจะตอบคำถามนี้ต้องย้อนกลับไปมองสังคมโดยรวม ต้องยอมรับก่อนว่าสื่อหลายแขนงต่างตั้งข้อสังเกตการติวเป็นเรื่องที่เกิน ความจำเป็น เป็นค่านิยมผิดๆ ซึ่งก่อนจะมาถึงหลักสูตรการติวเพื่อเตรียมสอบแข่งขันเข้ารับราชการ การติวเอ็นทรานซ์ดูเหมือนกว่าจะมาเป็นอันดับหนึ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่าง หนักในเรื่องนี้ ถามว่าแล้วมันผิดตรงไหนถ้าจะติว? ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องพวกนี้อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเอาเสีย เลย เพียงแค่พยายาม ของตัวเอง โดยตัวเอง และเพื่อตัวเอง ก็เพียงพอแล้ว ส่วนตัวมองว่าการออกมาบอกเช่นนี้มันจะต่างอะไรกับคำว่า "จงระลึกไ้ว้เถอดว่าไม่มีใครเก่งกว่าตัวเองอีกแล้ว" มันเป็นการปิดกั้นไม่ให้รับทัศนะจากคนอื่นแม้ว่าจะดีกว่า และเป็นการเสริมสร้าง อคติ และ อีโก้ มากเกินจำเป็น

กล้ายอมรับกันหรือไม่ว่าสิ่งหนึ่งที่ได้จากการติวไม่ว่าจะหลักสูตรสำหรับ เด็กหรือผู้ใหญ่และสิ่งนั้นก็คือ "ทักษะ" คำสั้นๆ แต่มีความหมายมากมาย คงไม่ผิดที่ว่าในโลกของการเรียนคือ..ทฤษฎี และทฤษฎี แต่ถามว่าทฤษฎีเหล่านั้นสามารถตอบโจทย์ในโลกความจริงที่ไม่เคยหยุดหมุนได้ ทั้งหมดหรือก็เปล่า แล้วผู้ที่คิดค้นทฤษฎีต่างๆ ที่นำมาใช้ในการเรียนการสอนนั้น เขาได้ วิเคราะห์ วิจัย หรือถกเถียงในประเด็นสำคัญของทฤษฎีของตัวเองกับตัวเองคนเดียวหรือก็หาไม่ จะอธิบายง่ายๆ หาเคยดูภาพยนต์เรื่อง Case Away ตอนที่ทอมแฮงค์พยายามก่อไฟ แต่ไม่มีไฟเช็คหรือไม่ขีด เขารู้ตามทฤษฎีคือ การเสียดสีกันทำให้เกิดความร้อน ใช่เขาเอาไม้สองอันมาถู ถูจนมือพอง ถูเอาจนไม้หักแทงมือเลือดอาบก็ไม่มีวี่แววว่าไฟจะติด กว่าจะรู้ก็ต้องได้เลือด ถามว่าถ้ามีใครเดินไปบอกว่าความร้อนจากการเสียดสีกันของไม้ไม่พอที่จะทำให้ ไฟติดหรอก มันต้องมีอากาศด้วย หรือแสดงให้ดูว่าทำอย่างไร มันจะง่ายกว่าหรือเปล่า นี่ไงล่ะทักษะ ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อคุณคิดว่าบางอย่างทำไมต้องเหนื่อยเกินความจำเป็น หากคุณมีทักษะ คุณก็จะใช้วิธีอื่นเพื่อให้ง่ายขึ้นใช่หรือไม่ แต่ด้วยคุณขาดทักษะ ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะคิดหาวิธีที่ดีที่สุดได้ แต่ถ้าเพียงคุณเดินออกมาถามไถ่คนที่เชี่ยวชาญกว่างานที่ว่าก็ลุล่วงโดยเร็ว ก็แค่นั้นเอง แค่ลดอคติ และกล้าที่จะยอมรับทัศนะของคนอื่น หรือถ้าจะบอกว่าทัศนะของตัวเองดีที่สุด ลองมองดูรอบตัวสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รอบกายคุณล้วนเกิดจากทัศนะและทักษะของคนอื่นทั้งสิ้น ว่ากันตั้งแต่ จาน ช้อน ถ้าต้องการปฏิเสธทัศนะของคนอื่น บางทีคุณอาจต้องกลับไปใช้มือเปิบข้าวในใบกล้วยใบบัว จริงหรือไม่

อย่าเพิ่งมองการติวให้ลึกหรือตื้นจนเกินไป เอาเข้าจริงแล้ว การติวก็แค่.. "การปรับทัศนะเพื่อเสริมทักษะ" เท่านั้น เพราะการแข่งขันทุกประเภทไม่ว่าจะทางร่างกายหรือสมอง หัวใจสำคัญคือ "ทักษะ" มองง่ายๆ แต่ชัดเจน ก็สมมติเราเป็นนักกีฬาเราก็มีโค้ชเป็นติวเตอร์ โค้ชมาจากไหนส่วนมากมักจะมาจากการเป็นนักกีฬาใช่หรือไม่ ชำนาญมากทั้งกฎ กติกา มารยาท เ่ก่งทั้งการเล่น เทคนิค และการวางแผน รู้ดีถึงการเตรียมความพร้อมของนักกีฬา รู้นิสัยคู่แข่ง รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่สำคัญคือ รู้ว่าจะชนะด้วยวิธีใด เหมือนกับหลายทีมที่ต้องการเหนือกว่าทีมคู่แข่งจึงไปจ้างโค้ชฝีมือดีๆ

มาถึงตรงนี้ก็ไม่ใช่จะสุ่มสี่สุ่มห้าไปหาที่ติวโดยฉับพลัน อันดับแรกเลยในการพิจารณาสถาบันติวคือ ความจริงใจ ปัจจุบันการตั้งสถาบันติวง่ายกว่าขายกล้วยแขกเสียอีก ได้เงินจากลูกค้าแล้วก็ขาดความรับผิดชอบ ซื้อหนังสือเล่มละร้อยสองร้อยมานั่งอ่านให้ฟังเจออย่างนี้ก็เซ็งอย่าไปหวัง อะไรเลย เพราะติวเตอร์ไม่ได้มีทักษะ หรือประสบการณ์ ผลงานอย่าสนใจเมคง่ายจะตายไป เกียรติยศเกียรติศักดิ์ของอาจารย์ ไม่ได้มีค่ามากไปกว่าคนเคยสอบ สรุปสิ่งที่จะนำมาพิจารณาหาสถาบันติวคือ ต้องมองให้ออกว่าสถาบันติวนั้นเข้าใจหลักสูตรการสอบหรือไม่ เข้าใจในแต่ละหัวข้อเพียงใด มีประสบการณ์จริงในห้องสอบแค่ไหน ในแต่ละหัวข้อของหลักสูตรการสอบเขามีความชำนาญในการติวหรือไม่ ตรงนี้สำคัญ บางคนทำข้อสอบได้ แต่อธิบายไม่ถูก อย่างนี้เป็นติวเตอร์ที่ไม่เก่ง ไม่สามารถถ่ายทอดทักษะได้ เอาคร่าวๆ เท่านี้ก่อนละกัน ไว้ว่างจะมาสาธยายต่อ

ก็หวังว่าจะเข้าใจคำว่า "ติว" ได้ดีขึ้น บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เดียวที่คาดหวังให้เข้าใจและลด อคติ ของตัวเอง โดยตัวเอง และเพื่อตัวเอง ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่า ทักษะ มีแล้วต้องหมั่นฝึกฝน หาไม่แล้วมันจะสลายกลายเป็นอากาศธาตุไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติวฟรีออนไลน์ by actsoi1.com

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก